“อาชีพไหนก็ตามถ้าเราจริงจังและตั้งใจจริงอย่าท้อ ให้อดทนอดกลั้น ให้คิดว่าไม่มีแค่เราคนเดียวที่ต้องมาเป็นแบบนี้ เราต้องอดทนให้มากที่สุด ต้องรอบคอบใจเย็นทำอะไรต้องมีสมาธิ ก็จะผ่านพ้นไปได้ทุกวิกฤติและทุกปัญหา แต่ถ้าใจร้อนทำอาชีพไหนก็ไม่รอด”
ผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้หลากหลายอาชีพต้องปรับตัว โดยเฉพาะธุรกิจความสวยความงาม ซึ่งหนึ่งในผู้ประกอบอาชีพนี้ อย่าง “พิมพรรณ” เจ้าของ ร้านเสริมสวยโมเดิร์น เฟิร์ส แฮร์คัท ที่เปิดมากว่า 20 ปี ยอมรับกับ The Good News ว่า ได้รับผลกระทบหนัก แต่ด้วยความที่เราเปิดมานานแล้วมีลูกค้าประจำวนไปเวียนมาก็ยังพออยู่กันได้ แต่ก็มีลูกค้าใหม่เข้ามาบ้างเหมือนกัน ขณะเดียวกันเมื่อต้องล็อกดาวน์ ร้านต้องปิดเราก็สวดมนต์นั่งสมาธิ ความจริงแล้วทุกอาชีพเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ ก็ต้องผ่านไปให้ได้ ขออย่างเดียวอย่าท้อ วิชาชีพไหนก็ตามยากทุกอย่าง อยู่ที่เราจะอดทนหรือไม่ อะไรที่ว่ายากเราต้องผ่านไปได้ นั่นแหละเราจะประสบความสำเร็จ
พร้อมกับเล่าให้ฟังว่าก่อนที่จะมาทำธุรกิจตัวเอง เคยทำงานบริษัทเป็นในหน้าขายที่ดินมาก่อน แล้วมาเปิดร้านรักษาสิวฝ้ากับร้านทำผม 3 สาขา บริหารอย่างเดียวไม่ได้ลงมือทำ ไม่มีความรู้เกี่ยวกับผมเลย เหนื่อยคือต้องขับรถไปสาขาต่างๆเพื่อไปเช็คที่ร้าน เมื่อไม่ได้ลงมือทำมันก็เลยเสียเพราะไว้ใจลูกน้อง จนโดนโกงเงินซิกแซ็กกับเรา ทำให้เราคิดว่าไม่ได้แล้วต้องไปเรียน เพราะฉะนั้นจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม เจ้าของกิจการต้องลงมือทำด้วยตนเอง จ้างลูกน้องได้แต่ตัวเองต้องเป็นตัวหลัก ไม่อย่างนั้นลูกน้องหักหลังหมด
“ไม่มีใครจะมานั่งหรือยืนค้ำฟ้าอยู่กับเรา ประสบการณ์เจอมาเยอะ ที่ผ่านมาเราเคยสบายไม่ต้องลงมือเอง แต่ทุกวันนี้เราต้องลงมือเองร้านเราถึงจะอยู่รอด อย่าเอาความสบายเป็นหลัก ถ้าเราเอาความสบายมาเป็นหลัก ลูกน้องเก่าก็เอาลูกค้าไปหมดเจ้าของร้านต้องลงมือเองทุกเรื่องนี่คือการทำผม”
พิมพรรณ บอกว่า ในช่วงปี 2540 เกิดเศรษฐกิจฟองสบู่แตก บริษัทขายบ้านเจ๋งระนาว ก็มาคิดว่าอาชีพไหนที่ทำแล้วรุ่งที่สุดในช่วงนั้น ทำแล้วรายได้สูง ก็คืออาชีพช่างทำผม ถ้าเราขยันจริงๆบางคนมีรายได้เกือบ 10,000 ต่อวัน ช่วงนั้นคนก็เลยหันมาทำงานด้านนี้กันเยอะ แต่เราต้องหาประสบการณ์ให้มากขึ้น จากที่เราไม่เป็นเราก็ต้องเรียนรู้ให้เป็น เรียนในเมืองไทยไม่พอต้องไปแอดวานซ์ต่างประเทศอีก ศึกษาอย่างเดียวไม่พอต้องศึกษาหลายที่
การเป็นอาชีพช่างผม ต้องศึกษาหลายอย่างก่อนที่จะประสบความสำเร็จ มันไม่หมูไม่ใช่ง่ายมีเงินไปเยอะ อาชีพทำผมต้องมีความอดทนต่อลูกค้าที่เข้ามา อะไรที่ใหม่ๆเราต้องศึกษาตลอดเวลาอาชีพนี้ไม่ได้นั่งอยู่กับที่ ต้องค้นคว้าดูการตลาดช่วงนี้แฟชั่นผมทรงไหนมาแรงบ้าง แต่ถ้าใครผ่านพ้นความยากลำบากช่วงพื้นฐานได้ก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว
ลูกค้ามีหลายประเภทบางคนละเอียด บางคนก็ง่าย บางคนก็จุกจิกแต่ถ้าเราเก่ง เราสามารถพลิกแพลงเส้นผมของแต่ละคนได้เร็ว ก็จะเครียดน้อยหน่อย แต่ถ้าพลิกแพลงได้ไม่มากก็เครียดมาก อย่าลืมว่าเส้นผมแต่ละคนไม่เหมือนกัน จะทำให้เราท้อช่วงแรก แต่ถ้าเราประสบการณ์น้อยแล้วเรามีความเฉลียวพลิกแพลงได้ ก็ได้ไม่นานแป๊บเดียว แต่ที่ต้องมีความอดทนสูงเพราะสไตล์ของลูกค้าไม่เหมือนกันมาหลายหลาก เราต้องเป็นได้ทุกอย่าง บอกเลยว่าถ้าไม่มีความอดทน ใจไม่เย็นพออย่ามาเรียนอาชีพผมเด็ดขาด
ที่สำคัญเลย คือ ต้องทำตัวให้สวยตลอดเวลาห้ามโทรมเด็ดขาด เจ้าของร้านต้องดูดีต้องเป็นตัวอย่างให้กับลูกค้า เขามองถ้าเจ้าของร้านดูไม่จืดแล้วจะไปรอดหรือ ถามหน่อยว่าถ้าคุณไปเจอเจ้าของร้านหัวฟูหน้ามันคุณจะกล้าเข้าไหม ยังเอาตัวเองไม่รอดแล้วจะมาทำให้คนอื่นสวยได้อย่างไร ที่บอกเช่นนี้เพราะมันเป็นระเบียบเราเรียนจบหลักสูตรต่างประเทศมา เขาสอนให้เนี๊ยบมีระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้า เลยทำให้ติดตัวเรามาตลอด
ที่บอกมาข้างต้นว่าอาชีพนี้รายได้ดี ได้เงินวันละเกือบ 10,000 ต่อวันนั้นก็เป็นช่วงเทศกาลหรือวันสำคัญๆ บางวันลูกค้ามาเจอพร้อมกัน 8 คน เราก็ทำผมคนเดียวศิลปินเดี่ยว ฉะนั้นทำงานด้านนี้ต้องแข็งแรง ไดร์ผมก็เหมือนออกกำลังกายไปในตัว ต้องมีความอดทนสูงละเอียดถี่ถ้วน เคยมีลูกค้าผู้ชายคนหนึ่งมี 5 ขวัญมาตัดผม เรายืนชั่งใจก่อนว่าจะไปทิศทางไหน (พูดพร้อมหัวเราะ) เพราะแค่ขวัญสองขวัญก็จะแย่แล้ว
นอกจากดูลักษณะเส้นผมลูกค้าแล้ว ยังต้องดีไซน์ออกแบบทรงผมให้รับกับใบหน้าด้วย ให้เข้ากับบุคลิกไปพร้อมกัน ถ้าเขาออกไปจากร้านแล้วเกิดไม่สวยเขาก็ไม่อยากกลับมาอีกเลย แต่ร้านเราเปิดมา 20 ปีลูกค้าทำผมมา 20 ปีทุกวันนี้ก็ยังเจอกันอยู่ จนกลายเป็นผูกพันกันแล้ว สนิทกันไปเลย
ส่วนเมื่อทำผมแล้วอีกอาชีพหนึ่งที่สนใจก็คือ “การดูดวง” ดูวันเดือนปีเกิด เลข 7 ตัว 9 ฐาน ความจริงแล้วอาจารย์ของเราเคยเตือนเรา ว่าต้องเรียนด้านนี้เราไม่เชื่ออาจารย์ก็ทักมาเป็น 10 ปี จนมาวันหนึ่งอยู่ๆก็ป่วยโดยไม่มีสาเหตุ ไปหาหมอรักษาไม่หายก็เลยต้องกลับไปหาอาจารย์ และไปถามว่าทำไมต้องบังคับให้เรียนดวง อาจารย์ก็บอกพื้นฐานของเราต้องเป็นคนดูดวง ต้องช่วยเหลือคนทางอ้อม ชี้ชะตาให้กับคนอื่นทางอ้อมแล้วเราก็จะรอดในเรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วย ซึ่งเป็นเรื่องอัศจรรย์กับชีวิต ตอนแรกก็ไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ พอเข้าไปเรียนและศึกษาแล้วก็เริ่มเปิดดูดวง อาการป่วยที่ตัวเองเคยเป็นก็เริ่มหายทีละนิดทุกวันนี้ก็ไม่เป็นอะไรเลยเป็นการอัศจรรย์ที่ว่าเราไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
อีกเรื่องที่แปลก คือ อาจารย์เคยทักว่าวันนี้เวลานี้ก่อนบ่ายสามโมงเย็น รถเราจะโดนชนเราก็ไม่เชื่อ เพราะเราก็จอดติดไฟแดงตรงทางขึ้นสะพาน มันจะเลยบ่าย 3 โมงแล้ว เรายังหัวเราะอยู่ในใจว่าเฮ้ออาจารย์เลอะเทอะใหญ่แล้ว อีก15 นาทีจะบ่าย 3 โมงแล้วก็ยังนึกในใจว่าไม่มีทางหรอก เป็นไปไม่ได้รถจอดอยู่เฉยๆที่ไหนจะมาชน รู้ไหมอยู่ดีๆรถฝั่งตรงข้ามหลบมอเตอร์ไซค์ ข้ามฝั่งมาชนรถเราเฉยเลยในเวลาก่อน 3 โมงเย็น สุดท้ายเราก็ต้องไปเป็นลูกศิษย์อาจารย์ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ ต้องยอมให้กับอาจารย์เพราะเขาแม่นยำมาก เหตุผลก็คือว่าเรื่องดูดวงไม่น่าเชื่อว่าจะแม่นยำได้ขนาดนี้ถึงต้องมาเรียนเรื่องดวงด้วย
ใครจะมาดูเราก็แล้วแต่ศรัทธาเพราะจะนำเงินนี้ไปทำบุญ ดูดวงไม่ใช่สนุกเพราะเราไปเอาไปรับเจ้ากรรมนายเวรเขามา เมื่อดูดวงเราก็ต้องไปทำบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรให้กับเขา เพราะเราไปรับเรื่องแบบนี้เข้ามา มันไม่ใช่เรื่องสบายไม่ใช่เรื่องของสนุกแต่ เปรียบเสมือนเป็นอาชีพดาบสองคม เงินเอามาก็ต้องไปทำบุญส่วนนึง ซึ่งก็ดีกับเราเจ้ากรรมในเวรของคนที่มาดูดวงเค้าก็รับบุญไป แต่อย่างไรก็ตาม 2 อาชีพที่ทำอยู่นี้ ไม่น่าจะไปด้วยกันได้เพราะอาชีพผมเป็นงานที่ไม่ค่อยมีเวลา จะมาดูดวงเราก็ต้องบอกเวลาที่แน่นอนใจร้อนก็ไม่ได้ เราก็ต้องดูทาง LINE หรือติดต่อที่เบอร์โทรศัพท์ 062-247-8745
พิมพรรณ ทิ้งท้ายถึงประสบการณ์พร้อมทั้งแนะนำว่า การทำอาชีพไหนก็ตามถ้าเราจริงจังและตั้งใจจริงอย่าท้อ ให้อดทนอดกลั้น ให้คิดว่าไม่มีแค่เราคนเดียวที่ต้องมาเป็นแบบนี้ เราต้องอดทนให้มากที่สุด ต้องรอบคอบใจเย็นทำอะไรต้องมีสมาธิ ก็จะผ่านพ้นไปได้ทุกวิกฤติและทุกปัญหา แต่ถ้าใจร้อนทำอาชีพไหนก็ไม่รอด