เคล็ดลับห้าประการสำหรับผู้ที่ปรารถนาในการเป็นแพทย์หญิง โดย ดร.ซาซ่า เลค ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภาควิชาพยาธิวิทยาและกายวิภาคศาสตร์ มหาวิทยาลัยเซนต์จอร์จ คณะแพทยศาสตร์ในทะเลแคริบเบียน
อีกครั้งของวันที่ 8 มีนาคม นี้ กับการเฉลิมฉลอง และยกย่องความความสำเร็จอันน่าทึ่งของอิสตรีในวันสตรีสากล ในอดีต ผู้หญิงมักจะถูกกีดกันผลักไสให้มีบทบาทรองในสังคม รวมถึงในวงการแพทย์ด้วย อย่างไรก็ตาม ยุคสมัยได้เปลี่ยนไป มีผู้หญิงจำนวนมากกำลังศึกษา และประกอบวิชาชีพทางด้านการแพทย์ การมุ่งสู่การประกอบอาชีพด้านการแพทย์เป็นการเปิดโอกาสในการเป็นผู้นำในสาขาการดูแลสุขภาพและเวชศาสตร์เชิงวิชาการ และผู้หญิงสามารถเผชิญกับความท้าทายเหล่านี้ได้
ความท้าทายผู้หญิงต้องเผชิญนั้น ได้แก่ การที่ได้รับรู้มาอย่างผิดๆว่าพวกเขาไม่ใช่ผู้นำที่มีประสิทธิภาพ และจะไม่มีทางได้รับการเสนอตำแหน่งผู้นำตามมุมมองที่มีอคติมาโดยตลอด นอกจากนี้ สำหรับผู้หญิงที่อยู่ในตำแหน่งผู้นำ สถานะ และผลงานของพวกเธอ อาจถูกตัดสินด้วยมาตรฐานที่แตกต่างจากเพศชาย ถูกตัดสินจากทัศนคติแบบเหมารวมที่มีภาพจำและลักษณะของผู้นำที่ฝังหัวมาอย่างยาวนาน นั่นหมายความว่าผู้หญิงที่มีความสามารถอาจถูกปฏิเสธจากตำแหน่งผู้นำ หรือถูกขัดขวางไม่ให้รับตำแหน่งดังกล่าว
ในทำนองเดียวกัน ผู้หญิงมักพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะได้รับคำปรึกษาที่ขยายทักษะความเป็นผู้นำอย่างมืออาชีพ ที่สามารถเตรียมพร้อมให้พวกเธอเพื่อรับบทบาทความเป็นผู้นำที่ต้องการ ซึ่งส่งผลเสียต่อการเติบโต และการพัฒนาของพวกเธอ โดยทั่วไปพี่เลี้ยงจะให้คำแนะนำ แนะแนว และให้ความช่วยเหลือสนับสนุนเส้นทางอาชีพ พัฒนาทักษะใหม่ๆ และเอาชนะก้าวข้ามผ่านความท้าทาย
ความท้าทายที่ผู้หญิงเผชิญขณะก้าวสู่บทบาทผู้นำ สามารถพิชิตได้ด้วยการสนับสนุนพลังแห่งสตรี หลากหลายประเทศทั่วภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA) เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซาอุดีอาระเบีย และอียิปต์ ได้เปิดตัวโครงการริเริ่มที่สำคัญเพื่อส่งเสริมการเสริมสร้างศักยภาพ ความหลากหลาย และความเท่าเทียมของผู้หญิงในที่ทำงาน
อาทิ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้จัดตั้งสภาดุลยภาพทางเพศขึ้นในปี 2558 (Gender Balance Council) เพื่อสร้างความเท่าเทียมทางเพศที่มากขึ้น พร้อมทั้งส่งเสริมการเสริมสร้างศักยภาพของสตรี และในทำนองเดียวกัน ซาอุดีอาระเบียได้กำหนดวิสัยทัศน์ในปี 2573 โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้หญิงในการทำงาน ส่งผลให้พวกเธอสามารถขับเคลื่อน และดำรงตำแหน่งผู้นำได้ อียิปต์ยังคงมุ่งเน้นในการให้ผู้หญิงมีบทบาทอำนาจในการตัดสินใจผ่านยุทธศาสตร์ชาติมากขึ้น เพื่อการสนับสนุนพลังแห่งสตรีในปี 2573
ช่วงเวลาของการฝึกฝนเพื่อเป็นหมอนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายและน่ายินดี และนี่คือเคล็ดลับ 5 ประการสำหรับผู้หญิงทุกคนที่ปรารถนาในการเป็นนักศึกษาแพทย์ สิ่งที่ควรคำนึงถึงเพื่อเตรียมตัวสำหรับโรงเรียนแพทย์ และบทบาทกับความเป็นผู้นำในอนาคตที่ต้องมี ดังนี้:
1- มีความมั่นใจ
ผู้หญิงต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเอง และนี่คือสิ่งจำเป็นที่พวกเธอใช้ในการประสบความสำเร็จในการเป็นหมอ พวกเธอควรเชื่อมั่นในความหลงใหลที่มีกับการแพทย์ และความมุ่งมั่นในการสร้างความแตกต่างให้กับชีวิตของผู้อื่น
2- รักษาความหลงใหลของคุณให้คงอยู่
นักศึกษาแพทย์ทุกคนจะต้องรักษาความหลงใหลต่อการแพทย์ให้คงอยู่ และยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่ช่วยกระตุ้นแรงบันดาลใจ และความใคร่รู้ของพวกเธอ อีกทั้งการพัฒนาในเรื่องของการเห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่น ตัวอย่างเช่น เพื่อการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และค้นพบความสุขในการที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น ลองไปเป็นอาสาสมัครที่โรงพยาบาล กับชมรมต่างๆ โรงเรียน หรือชมรมในชุมชนของคุณ โปรดจำไว้เสมอว่าแพทย์มีผลสำคัญต่อสังคมเสมอ ในการช่วยเหลือและดูแลผู้คนในช่วงเวลาที่ต้องการ ดังนั้นการเข้าร่วมกิจกรรมอาสาสมัครเหล่านี้จะช่วยสร้างอุปนิสัย และความอ่อนน้อมถ่อมตนที่พึงจะมีในฐานะนักศึกษาแพทย์ และแพทย์ในอนาคตได้
3- มีการวางแผนงาน
หากต้องการเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนแพทย์ นักเรียนที่ต้องการเข้าเรียนจะต้องมีแผนงานที่รวมถึงเหตุการณ์สำคัญของความเป็นมาทางวิชาการ กิจกรรมนอกหลักสูตร และการได้รับประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ พวกเธอควรมีความรับผิดชอบในการบรรลุแผนนี้ พูดคุยกับที่ปรึกษาด้านวิชาการหรือแพทย์ที่คุณติดตาม และปล่อยให้พวกเขาเป็นที่ปรึกษาที่นำทางคุณไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่คุณตั้งไว้ในแผนงานของคุณ
4- มีความท้าทายในตัวเอง
นักศึกษาแพทย์ที่ต้องการจะท้าทายตัวเองเพื่อพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำอยู่เสมอ ตัวอย่างเช่น พวกเขาสามารถมีบทบาทเป็นผู้นำในชมรมโรงเรียน องค์กรชุมชน หรือโครงการวิจัย การพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขารวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและผู้นำในอนาคต
5- แสวงหาโอกาสทางการแพทย์
เพื่อจะได้สัมผัสกับวงการแพทย์ นักศึกษาหญิงที่มีความมุ่งมั่นสามารถทดลองเป็นอาสาสมัครที่โรงพยาบาล เข้าร่วมการฝึกงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ หรือเป็นผู้ช่วยติดตามแพทย์ สิ่งนี้จะช่วยให้พวกเขาได้สัมผัสข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของแพทย์จริง และช่วยตอกย้ำกับความหลงใหลทางด้านการแพทย์ของพวกเธอ
โดยสรุป วันสตรีสากลนี้ทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจให้เราชื่นชมสตรีที่สร้างประวัติศาสตร์ด้านการแพทย์ และมีความเป็นเลิศแม้จะมีอุปสรรคมากมายที่พวกเธอต้องเผชิญก็ตาม นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสที่จะได้เชิดชูคุณูปการอันน่าทึ่งของผู้หญิงในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ พร้อมสนับสนุนจุดยืนอันชอบธรรมในฐานะผู้นำด้านการดูแลสุขภาพ และการแพทย์เชิงวิชาการ สำหรับอิสตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ในวิชาชีพแพทย์ สมควรได้รับคำปรึกษา และโอกาสเช่นเดียวกับผู้ชาย ต้องขอบคุณโครงการริเริ่มระดับประเทศมากมายที่ดำเนินการอยู่ ระดับเสียงของความหลากหลาย ความเสมอภาค และการไม่แบ่งแยก (DEI) กำลังเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ แต่มั่นคง โครงการริเริ่มของ DEI เหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการเตรียมสตรีในอนาคตในฐานะแพทย์หญิง และผู้นำด้านการดูแลสุขภาพ และเวชศาสตร์เชิงวิชาการ
เกี่ยวกับ มหาวิทยาลัยเซนต์จอร์จ
มหาวิทยาลัยเซนต์จอร์จ (SGU) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2519 เป็นศูนย์กลางของความเป็นเลิศทางวิชาการในระดับโลก ด้วยนักศึกษา และคณาจารย์จากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก SGU เป็นสถาบันระดับนานาชาติอย่างแท้จริงที่มีมุมมองระดับโลกอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คณะแพทยศาสตร์ SGU ได้รับการรับรองด้านการแพทย์จาก Grenada Medical and Dental Council (GMDC) เป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับจาก World Federation for Medical Education (WFME) ซึ่งเป็นองค์กรสากลที่รับรองมาตรฐานหลักสูตรแพทย์ทั่วโลก มหาวิทยาลัยเปิดหลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต (พ.บ.) 4 ปี และเปิดหลักสูตรขั้นสูง 5, 6 และ 7 ปี โดยสามารถรับนักศึกษาจากระบบการศึกษาทั่วโลก SGU มีเครือข่ายโรงพยาบาลและศูนย์สุขภาพขนาดใหญ่ในเครือมากกว่า 75 แห่งในสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร พร้อมเปิดโอกาสพิเศษสำหรับนักศึกษาในการเริ่มต้นอาชีพแพทย์ในเกรเนดา หรือสหราชอาณาจักร