ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีความรุนแรงมากขึ้นในทุกภูมิภาคทั่วโลก สาเหตุหลักเกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มสูงขึ้นจากกิจกรรมของมนุษย์ ซึ่งส่งผลกระทบทั้งในมิติสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ถือเป็นก๊าซเรือนกระจกหลักที่ทำให้สถานการณ์นี้เลวร้ายลง ประเทศต่างๆ ทั่วโลกจึงได้เริ่มให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาด้วยแนวคิด ‘Carbon Neutrality’ หรือความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งหมายถึง การทำให้ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาสู่ชั้นบรรยากาศเท่ากับปริมาณที่ถูกดูดกลับคืน ประเทศไทยเองก็ได้ประกาศเป้าหมายมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี พ.ศ. 2593

มหาวิทยาลัยพะเยาเป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาที่ให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนามหาวิทยาลัยตามแนวทางการเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมกำหนดตัวชี้วัดสำคัญที่จะพามหาวิทยาลัยสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนอย่างยั่งยืน หนึ่งในแผนสำคัญคือการเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะการเปลี่ยนรถโดยสารภายในมหาวิทยาลัยจากระบบเชื้อเพลิง NGV มาเป็นรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า (EV Bus) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองนโยบายการลดมลพิษของรัฐบาลและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

จากการเก็บข้อมูลระยะทางรวมที่รถโดยสารวิ่งและการใช้พลังงานไฟฟ้าของรถโดยสารในช่วงเดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม พ.ศ. 2567 พบว่า รถโดยสารไฟฟ้า (EV Bus) ภายในมหาวิทยาลัยพะเยาที่ใช้พลังงานไฟฟ้ามีอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่ารถที่ใช้น้ำมันเบนซินหรือดีเซลอย่างมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนมาใช้รถโดยสารไฟฟ้าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้อย่างมีนัยสำคัญ และหากมหาวิทยาลัยพิจารณาใช้ระบบชาร์จพลังงานจากแหล่งพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ จะช่วยให้การขนส่งสาธารณะของมหาวิทยาลัยพะเยาสามารถดำเนินไปอย่างยั่งยืนและปลอดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยแนวคิด ‘Carbon Neutrality’

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here