ยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล (UnionPay International หรือ UPI) ออกบัตรมากกว่า 200 ล้านใบนอกจีนแผ่นดินใหญ่ พร้อมก้าวเข้าสู่ทศวรรษใหม่ของการให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดนที่มีคุณภาพสูง คุ้มค่า และปลอดภัย เพื่อรองรับฐานผู้ถือบัตรที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยพันธมิตรของยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ขยายจาก 60 รายนับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2555 จนครอบคลุมสถาบัน 2,500 แห่งทั่วโลก ขณะที่เครือข่ายการรับบัตรยูเนี่ยนเพย์ก็ครอบคลุม 181 ประเทศและภูมิภาคในปัจจุบัน และ 78 แห่งในจำนวนนี้ออกบัตรยูเนี่ยนเพย์อีกด้วย ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ถือบัตรยูเนี่ยนเพย์และร้านค้าทั่วโลกที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจะได้รับบริการในท้องถิ่นที่สะดวกสบายอย่างแน่นอน
ยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล ยกระดับประสบการณ์การชำระเงินข้ามพรมแดนอย่างมีนัยสำคัญเพื่อผู้ถือบัตรในท้องถิ่น
ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้พัฒนาเทคโนโลยีการชำระเงินที่ล้ำสมัยอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อแบ่งปันประสบการณ์การชำระเงินข้ามพรมแดนใหม่ล่าสุดกับผู้ถือบัตรยูเนี่ยนเพย์จากทั่วทุกมุมโลก ปัจจุบัน ร้านค้านอกจีนแผ่นดินใหญ่ 38 ล้านแห่งรับบัตรยูเนี่ยนเพย์ เพิ่มขึ้น 4 เท่าจากปี 2555 และในปี 2565 เพียงปีเดียวมีร้านค้าใหม่เพิ่มเข้ามา 4 ล้านแห่ง นอกจากนี้ อัตราการรับบัตรยูเนี่ยนเพย์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยุโรป และอเมริกาเหนือยังสูงถึง 95%, 80% และ 80% ตามลำดับ ขณะที่ร้านค้าออนไลน์ 22 ล้านแห่งใน 200 ประเทศและภูมิภาคก็รับบัตรยูเนี่ยนเพย์เช่นกัน
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของอุตสาหกรรมการชำระเงินทั่วโลกได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้เร่งนำเสนอผลิตภัณฑ์และปรับปรุงบริการเพื่อตอบสนองพฤติกรรมการชำระเงินที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาของลูกค้าในต่างประเทศ ด้วยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับบรรดาธนาคารกลาง เครือข่ายระดับประเทศ และพันธมิตรด้านการชำระเงิน ยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้แบ่งปันโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่เป็นนวัตกรรมใหม่และมาตรฐานทางเทคนิคในประเทศต่าง ๆ เช่น ไทยและฟิลิปปินส์ และได้กลายเป็นมาตรฐานชิปการ์ดข้ามพรมแดนของเครือข่ายการชำระเงินแห่งเอเชีย (Asian Payment Network)
การขยายตัวทั่วโลกของยูเนี่ยนเพย์สะท้อนถึงนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและดิจิทัลที่น่าประทับใจ
เมื่อไม่กี่ปีมานี้ได้มีการเปิดตัวแอปยูเนี่ยนเพย์ (UnionPay App) เพื่อรองรับการชำระเงินแบบไร้สัมผัส การชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด และการชำระเงินในแอป ซึ่งช่วยยกระดับประสบการณ์การชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือสำหรับผู้ถือบัตรได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยแอปยูเนี่ยนเพย์และอีวอลเล็ตมาตรฐานของยูเนี่ยนเพย์มากกว่า 170 แบบได้เปิดตัวนอกจีนแผ่นดินใหญ่ และร้านค้าในต่างประเทศกว่า 16 ล้านแห่งต่างได้รับความสะดวกสบายจากการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด หรือควิกพาส (QuickPass) แบบ “รูด”
ในปี 2561 มีการเปิดตัวแอปยูเนี่ยนเพย์สำหรับเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและเขตบริหารพิเศษมาเก๊า และในเวลาเพียง 4 ปีก็ได้กลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ชำระเงินผ่านมือถือที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของคนในท้องถิ่น ขณะเดียวกัน ผู้ถือบัตรในประเทศต่าง ๆ ยังสามารถเข้าถึงบริการชำระเงินผ่านมือถือของยูเนี่ยนเพย์ผ่านทางเพย์ลา! (PayLah!) ของสิงคโปร์, บูสต์ (Boost) ของมาเลเซีย, เคพลัส (K Plus) ของไทย รวมถึงผลิตภัณฑ์ชั้นนำอีกมากมาย เบื้องหลังความสำเร็จเหล่านี้คือแพลตฟอร์มบริการทางเทคนิคของยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งรวมถึงแพลตฟอร์มสำหรับนักพัฒนา แพลตฟอร์มออกบัตรบนคลาวด์ และแพลตฟอร์มบริการ ซึ่งช่วยลดปัญหาทางเทคนิคและต้นทุนสำหรับพันธมิตรในการเข้าถึงบริการมือถือของยูเนี่ยนเพย์ อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนสถาบันการเงินจำนวนมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทโทรคมนาคม บริษัทค้าปลีก และองค์กรอื่น ๆ ยังได้เข้าร่วมระบบนิเวศการชำระเงินผ่านมือถือของยูเนี่ยนเพย์ เพื่อยกระดับประสบการณ์การชำระเงินผ่านมือถือของผู้ถือบัตรในต่างประเทศ
ยูเนี่ยนเพย์เดินหน้าเจาะตลาดโลกอย่างรวดเร็ว พร้อมขยายตัวต่อเนื่องในทศวรรษหน้า
ยูเนี่ยนเพย์กำลังขยายความครอบคลุมทั่วโลก พัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง และอำนวยความสะดวกให้กับผู้ถือบัตรทั่วโลก โดยได้มีการออกบัตรยูเนี่ยนเพย์เป็นครั้งแรกในประเทศแซมเบียเมื่อต้นปีนี้ และได้กลายเป็นรูปแบบการชำระเงินที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่ต้นปีนี้ได้มีการออกบัตรยูเนี่ยนเพย์ในต่างประเทศมากกว่า 20 ล้านใบ ขณะที่อัตราการทำธุรกรรมก็สูงกว่าระดับก่อนเกิดโรคระบาด นอกจากนี้ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้น 1 ใน 4 ของบัตรธนาคารที่ออกใหม่เป็นบัตรยูเนี่ยนเพย์ และบัตรยูเนี่ยนเพย์คิดเป็น 95% ของบัตรเดบิตในเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและเขตบริหารพิเศษมาเก๊า ทั้งนี้ รายงานของนิลสัน (Nilson) ได้จัดอันดับปริมาณธุรกรรมของยูเนี่ยนเพย์ให้เป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มผู้ออกบัตรระหว่างประเทศรายใหญ่ในเอเชียแปซิฟิกในปี 2564
ที่มาข่าว :เซี่ยงไฮ้–3 มกราคม 2566–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์