ไทยจัดการลองสเตย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริการอำนวยความสะดวกแบบครบวงจร (One Stop Service) แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าพำนักระยะยาว (Long Stay) ในประเทศไทย ชี้มุมมองการร่วมทุนถือหุ้นกับ บมจ.เคหะสุขประชา พร้อมแสดงทรรศนะนำนักท่องเที่ยวเข้ามาสร้างระบบนิเวศบ้านเคหะสุขประชาให้สมดุลและมั่นคง สร้างผลประโยชน์กับกลุ่มเปราะบางด้วยอาชีพที่หลากหลายและรายได้ที่มากขึ้นจากเงินต่างประเทศ
นางปิยภัทร สุบรรณ ณ อยุธยา ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด หนึ่งในผู้ถือหุ้นของ บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าหน้าที่หลักของไทยจัดการลองสเตย์ คือ ธุรกิจที่ให้บริการอำนวยความสะดวกแบบครบวงจร (One Stop Service) แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งแตกต่างจากโครงการบ้านเคหะสุขประชา ที่มีจุดประสงค์ในการสร้างที่อยู่อาศัยกับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง
ทว่าผู้บริหารหญิงก็ได้เสริมถึงมุมมองที่แตกต่างออกไปว่า สำหรับเธอแล้วการร่วมหุ้นและเปิดบริษัทเคหะสุขประชาขึ้นมา ไม่ใช่การทำเพื่อรองรับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นการรองรับคนทั้งประเทศไทยในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีไปพร้อมกับการมีรายได้ที่มั่นคงและที่อยู่อาศัยคุณภาพ ดังนั้น กลุ่มชาวต่างประเทศจึงไม่ต่างจากตัวแปรสำคัญที่เสริมให้ระบบนิเวศของบ้านเคหะสุขประชามีความสมดุลและมั่นคงมากขึ้น โดยเฉพาะความหลากหลายด้านอาชีพ ที่เข้ามาพร้อมกับการท่องเที่ยว
“ทุกวันนี้เราต้องการเงินเข้าประเทศ การนำกลุ่มชาวต่างชาติเข้ามาจึงเป็นเหมือนกับการลงทุนให้บ้านเคหะสุขประชา ลงทุนให้กลุ่มเปราะบางมีรายได้มากขึ้น มีงานทำโดยไม่ต้องกังวลกับพื้นที่ที่มีอยู่จำกัด และยังสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนได้เป็นอย่างดี อาทิ ทำอาหารให้นักท่องเที่ยว งานทำความสะอาด ไกด์นำเที่ยว ซึ่งผลประโยชน์สุดท้ายล้วนแล้วแต่จะได้กับกลุ่มเปราะบาง ในมุมกลับกันหากโครงการนี้ขาดนักท่องเที่ยวมาพักอาศัย สิ่งที่ตามมาคือโครงการนี้จะมีอาชีพแคบลงและขาดเงินเข้ามาจากต่างประเทศ”
นางปิยภัทร เสริมอีกว่า ปัจจุบันพฤติกรรมของชาวต่างชาติที่เข้ามาประเทศไทย ทั้งด้านการท่องเที่ยว การเข้ามาทำงาน การเข้าใช้บริการทางการแพทย์ หรือการเข้ามาอยู่อาศัยในระยะยาว ต่างต้องการที่อยู่อาศัยที่มีมาตรฐานการจัดการคุณภาพ ซึ่งประสบการณ์ และความชำนาญของการเคหะแห่งชาติคือสิ่งที่ตอบโจทย์และช่วยให้ไทยจัดการลองสเตย์สามารถทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น จนบริษัทตัดสินใจเข้าร่วมทุนถือหุ้นจำนวน 5.00% พร้อมร่วมมือพัฒนาโครงการบ้านเคหะสุขประชาอย่างเป็นรูปธรรม
“เมื่อเคหะสุขประชาเปิดตัว 100% เราจะเริ่มมองว่ายูนิตไหนที่เหมาะสมกับชาวต่างชาติ พร้อมอำนวยความสะดวกเรื่องการเข้ามาเช่าในระยะสั้นจนถึงระยะยาว ผ่านการเช่าอย่างมีระบบ ตั้งแต่ 1 เดือนถึง 1 ปี มีการชำระเงินเสียภาษีถูกต้องตามระเบียบทุกอย่าง ซึ่งเป็นการวางแผนร่วมกับเคหะสุขประชาอย่างเป็นรูปธรรม โดยเริ่มจาก 3 พื้นที่ destination หลักด้านการท่องเที่ยวและใช้ชีวิตอย่าง เชียงใหม่ หัวหิน และบางแสน ฉะนั้นเท่ากับใน 12 เดือน กลุ่มเปราะบางที่ทำงานด้านการท่องเที่ยวจะมีรายได้จากตรงนี้แน่นอนแล้ว”
ประธานกรรมการไทยจัดการลองสเตย์ ให้ข้อมูลว่า ตลาดการท่องเที่ยวของประเทศไทยกำลังฟื้นตัวอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยมีนักท่องเที่ยวอินเดีย เข้ามาเป็นอันดับ 1 และมาเลเซีย เข้ามาเป็นอันดับ 2 แต่ทั้งนี้โครงการเคหะสุขประชาจะทำตลาดโดยมองกลุ่มอเมริกาและสแกนดิเนเวียที่พักอาศัยในระยะยาวเป็นหลัก ตามด้วยกลุ่มอังกฤษ เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี และญี่ปุ่น ที่มักนิยมพักอาศัยในจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงวางแผนทำตลาดในระยะยาว เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นหลังสายการบินมีการฟื้นตัวอย่างเต็มที่ในอนาคตด้วย
“ในตอนที่เราตัดสินใจให้ส่วนหนึ่งของบ้านเคหะสุขประชาเป็นบ้านเช่าสำหรับชาวต่างชาติ เพื่อหาเงินเข้าประเทศ สร้างอาชีพให้กลุ่มเปราะบาง ตัวไทยจัดการลองสเตย์ที่เป็นคนกลางจึงต้องทำงานอย่างหนัก ต้องคอยปรับปรุงบ้านเช่าให้ทันตามไลฟ์สไตล์ คอยลงทุนเพิ่มมูลค่าให้บ้านเช่าไปเรื่อย ๆ โดยไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ เช่นการลงทุนเพิ่ม facility ด้านต่าง ๆ อย่างการจับมือกับโรงพยาบาลใหญ่พัฒนาด้าน wellness หรือสนับสนุนการให้เกิด course community ดึงนักท่องเที่ยวมาเรียนรู้การทำอาหารไทย เพื่อเพิ่มรายได้ให้ผู้อยู่อาศัย
“เพราะเรากับเคหะสุขประชาต่างเห็นตรงกันว่าการทำธุรกิจต้องการกำไร แต่การที่จะได้กำไรก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของการให้ที่ถูกต้องด้วย” นางปิยภัทร ให้ความเห็นทิ้งท้าย
ทั้งนี้ ไทยจัดการลองสเตย์ยังมีการร่วมมือกับเคหะสุขประชา ในการจัดทำที่อยู่อาศัยในระยะยาวให้กับผู้สูงอายุ ข้าราชการหลังเกษียณ และกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพำนักในระยะยาว ซึ่งเป็นโครงการที่ทำคู่ขนานไปพร้อมกับบ้านเคหะสุขประชา ในชื่อ เคหะลองสเตย์ มีจุดเด่นจากราคาค่าเช่าถูกกว่าตลาด มีศูนย์สุขภาพดูแลเรื่องการรักษาพยาบาล ตอบโจทย์ด้านการอยู่อาศัยทั้งในรูปแบบของที่พัก พื้นที่สันทนาการ และมาตรฐานด้านสุขภาพ พร้อมสร้างชีวิตหลังเกษียณอย่างมีความสุขให้กลุ่มดังกล่าวเป็นอย่างดี