เมื่อนักแสดงสาว “เจิน ณิชชาพัณณ์ ชุณหะวงศ์วสุ ” สวมบทบาทชีวิตจริง เจ้าของรายการ The Fandom และธุรกิจผลิตรายการ บ่มฟักประสบการณ์ ตลอดตนทัศนคติเชิงบวก เรียนรู้ ปรับตัว บนความไม่แน่นอนของชีวิตหน้าที่การงาน
ตอนนี้มีบริษัทผลิตรายการเป็นของตัวเองค่ะ โดยปกติบริษัทนอกจากผลิตรายการของตัวเองแล้ว ยังรับจ้างผลิตรายการทั้งในรูปแบบโทรทัศน์ และออนไลน์ให้กับองค์กรต่าง ๆ อีกด้วย ส่วนงานเบื้องหน้าก็ยังคงรับงานพิธีกรตามรายการต่าง ๆ ที่ออนแอร์อยู่ในขณะนี้ค่ะ ซึ่ง ณ ตอนนี้ ผลกระทบจากโควิด-19 ในส่วนของบริษัทผลิตรายการก็จะปรับเข้าสู่โหมด WFH ถึง 60-70% เลยค่ะ แต่ก็ยังคงรับงาน ผลิตให้กับลูกค้าตามปกติ ตามแต่ทางลูกกค้าจะเสนอมา ส่วนที่กระทบหนักหน่อย ตั้งแต่ปีที่แล้วมาเลย ก็น่าจะเป็นธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น Sushi Shin ซึ่งปิด ๆ เปิด ๆ มาหลายรอบ เราก็พยายามปฏิบัติตามมาตรการมาโดยตลอด แต่สำหรับพนักงาน เรายังคงช่วย ๆ ไปก่อน ยังไม่ลดพนักงาน หรือลดเงินเดือน ทั้งในส่วนของผลิตรายการและร้านอาหาร แต่ในอนาคตกำลังวางแผนระยะยาว ถ้าสถานการณ์ยังต่อเนื่อง ก็กำลังประเมินดูว่าอาจจะต้องมีการลดค่าใช้จ่ายในบางส่วนลงบ้างค่ะ ตอนนี้ก็พยายามประคับประคองให้ผ่านไปได้ เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ที่ประสบปัญหาเหมือนเรา
ในส่วนของรายการอย่าง The Fandom
Feedback ค่อนข้างดีเลยนะคะ สำหรับในส่วนของ Content ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าเป็นความตั้งใจแรกของตัวเองเลยที่จะผลิตรายการในรูปแบบนี้ คืออยากทำอะไรที่คลายเครียด ซึ่งมันเข้ากับสถานการณ์ในยุคนี้ อยากให้ความบันเทิงบนหน้าจอทีวี มาช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการผ่อนคลาย สร้างรอยยิ้ม สร้างเสียงหัวเราะได้บ้าง เสียงตอบรับที่กลับมาจากหลาย ๆ ช่องทาง จะบอกสนุก ตลก ได้เห็นดาราที่หลาย ๆ คนชื่นชอบมาทำอะไรที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ถือว่าตอบโจทย์กับความตั้งใจของเรา ส่วนในเรื่องแฟนคลับ อย่างที่ทราบแฟนคลับส่วนใหญ่ก็จะไม่ค่อยได้มาใกล้ชิดดารา ด้วยสถานการณ์โควิด มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ตรงนี้ก็เหมือนเป็นอะไรที่ไปสนับสนุนให้แฟนคลับได้มาทำกิจกรรมร่วมด้วย ไม่เพียงแต่มาร่วมสร้างContent อย่างเดียวแต่ได้รางวัลกลับไปด้วย จากดาราที่เค้ารักที่ชื่นชอบมาช่วยทำให้ ถึงแม้มันจะไม่ได้มากมายอะไร ที่เราสัมผัสได้จากโพสต์ในโซเชียล บางคนถึงขนาดขอบคุณว่า ที่ได้จากตรงนี้มันช่วยให้เค้าใช้ชีวิตไปต่อได้ในสภาพปัญหาแบบนี้ ตรงนี้เป็นอะไรที่คลิกกับเป้าหมายของรายการเรา. รู้สึกแฮปปี้ที่เป็นส่วนเล็ก ๆ ในการช่วยแก้ปัญหาเครียด ๆ ได้ในระดับหนึ่ง ในฐานะเจ้าของรายการแบบเต็มตัว รู้สึกชื่นใจกับงาน เป็นสิ่งที่เราตั้งใจคิด ทำ ลองผิดลองถูกออกมาด้วยตัวเราเอง ไม่ได้ไปซื้อลิขสิทธิ์จากใคร ผลตอบรับที่ได้มันโอเคมาก ๆ แล้วค่ะ ถึงแม้ในด้านตัวเลข มันอาจจะไม่ได้ตรงตามเป้าในทุก ๆ เทป แต่ในสถานการณ์แบบนี้ก็เข้าใจค่ะ
ปรับตัวในการทำรายการภายใต้มาตราการ
ต้องปรับตัวมากเลยค่ะ รูปแบบเกมส์ในรายการต้องเปลี่ยนใหม่หมด ต้องคิดเกมส์ขึ้นใหม่ เพื่อลดความเสี่ยง อย่างเกมส์ลูกโป่ง ที่จะต้องมีน้ำเข้าหน้าเข้าตา ต้องงดไปเลย ดาราต้องใส่หน้ากากอนามัย มีการ Swap ก่อนเข้ารายการ เพิ่มมีเวลาว่างประมาณ 1 ชม. ระหว่างเทป เพื่อเคลียร์พื้นที่ให้ปลอดเชื้อ ต้องลดความแออัดในการทำงานให้ได้มากที่สุด ทั้งในส่วนของเพิ่มคิวถ่าย เพิ่มห้องพักดารา ทุก ๆ อย่างซึ่งมันทำให้ต้องเพิ่มคอร์สตรงค่าใช้จ่ายไปด้วย ในส่วนของแฟนคลับแทนที่จะได้เข้าใกล้ชิดกับดาราในสตูดิโอ ก็ปรับมากที่สุดที่ทำได้คือ Zoom เข้ามา 100% ในสภาวะแบบนี้เราต้องเน้นความปลอดภัยมาก่อนค่ะมุมมองด้านจริยธรรมของ Working Woman
เนื่องจากเราต้องทำงานอย่างเต็มที่ ในเรื่องของทางโลก มันมีภาวะของการแข่งขัน การต่อสู้กับภารกิจที่เราตั้งเป้าหมายไว้ ปัญหาต่าง ๆ ที่เราต้องเจอ เรื่องของทุนนิยม ซึ่งเป็นสิ่งที่บั่นทอนความเป็นมนุษย์เรานะ ทำให้เราต้องกลับไปถึงคำที่ว่า บาลานซ์การใช้ชีวิตของตัวเองด้วย เหมือนล้างใจ ไม่ใช่ล้างบาปที่แบบว่าพอเรารู้สึกทำอะไรแย่ ๆ แล้วมาทำบุญทดแทน แต่สำหรับเราตรงนี้ถือว่าเรามาชำระจิตใจ มาขัดเกลาจิตใจ ดึงตัวเองลงมาบ้าง มาสร้างสติ สร้างจริยธรรมเพื่อนำกลับไปใช้ในเรื่องของการทำงาน ในการกลับไปใช้ชีวิตในสังคมโลกแบบที่เป็นอยู่ได้ด้วย
ศาสนากับปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ศาสนาช่วยได้มาก ๆ สำหรับสภาพสังคมในทุกวันนี้ โดยส่วนตัวได้เคยฝึกปฏิบัติมาก่อนหน้า เรามีความศรัทธาในคำสอนของพุทธศาสนา ทั้งในเรื่องของการเจริญสติ การเจริญภาวนา การอยู่กับปัจจุบัน การระลึกถึงความตายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และการมีคุณค่าของลมหายใจทุกขณะจิต ซึ่งคำสอนต่างเหล่านี้ มันเข้าและปรับใช้ได้กับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยเฉพาะกับวิกฤตของโควิด-19 หลายคนเจอภาวะของอารมณ์ในช่วงนี้ ไม่ว่าจัดเป็นอารมณ์โกรธ อารมณ์เศร้า อารมณ์สิ้น หวัง ต่าง ๆ นานา ทำให้เกิดการจิตตก ซึ่งเราเองก็เป็น และยิ่งเป็นบุคคลสาธารณะ เราไปโพสต์ต่อในโซเชียล คนที่เข้ามาดูก็จะรับแต่เรื่องลบ ๆ ไปด้วย แค่ถ้าเราดึงสติกลับขึ้นมาได้ เราก็จะโพสต์หรือส่งพลังงานบวกแทน ซึ่งเป็นเรื่องที่โอเคกว่าสำหรับสภาวะตอนนี้ ทำให้เห็นออกมาเป็นรูปธรรมจริง ๆ นอกจากนี้คำสอนในเรื่อง การอยู่กับปัจจุบัน การมีสติ จะช่วยในเรื่องการเตือนตัวเองทั้งในเรื่องการทำงาน การใช้ชีวิตโดยเฉพาะการรักษามาตรการป้องกันโควิดที่จะต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา คำสอนเรื่อง มรณานุสติ ทำให้เราตระหนักรู้และเข้าใจ ถ้าเราติดโควิดขึ้นมา เราต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าเราโชคดีอาการไม่หนัก เราก็หาย แค่ถ้าเราโชคร้ายอาการหนัก อาจจะถึงขั้นเสียชีวิต หรือบางคนที่อาจจะสูญเสียญาติหรือคนในครอบครัว หรือการออกไปทำงานนอกบ้าน ก็ไม่มีอะไรที่แน่นอนว่าเราจะไปติดโรคตอนไหน จากใคร ตรงนี้เป็นเรื่องของมรณานุสติทั้งสิ้น ก็อยากให้พยายามคิดหรือเตรียมใจยอมรับเผื่อกรณีต้องเจอปัญหาเข้าจริง ๆ ค่ะ
ผลกระทบจากโควิดกับการทำบุญสำหรับวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา
โดยส่วนตัวไม่ถือว่ามีผลกระทบอะไร เพราะรูปแบบการทำบุญเราไม่จำเป็นต้องยึดรูปแบบตายตัว ถ้าช่วงนี้ไม่สะดวกที่จะเดินทางเข้าวัด เราก็สามาถทำบุญ สวดมนต์ไหว้พระ เจริญภาวนาอยู่ที่บ้านได้ ถึงแม้จะไม่ได้รู้สึกอิ่มเอมเหมือนกันเข้าวัดจริง ๆ ก็ตาม ตรงนี้เราพยายามไม่ได้ยึดติด รวมทั้งเรื่องของการบริจาค ซึ่งเป็นการทำบุญอีกรูปแบบหนึ่งได้ในสถานการณ์แบบนี้ค่ะ แต่โดยส่วนตัวก็ค่อนข้างให้ความสำคัญในการเลือกบริจาคเช่นกันค่ะ ส่วนในเรื่องมาตรการป้องกันสำหรับพระสงฆ์ เรามองไปที่การปฏิบัติของพระสายธรรมยุต พระสายวัดป่า โดยปกติท่านก็จะแยกอยู่ รวมทั้งแยกฉันภัตตาหารอยู่แล้ว ซึ่งตรงกับมาตรการในขณะนี้ แต่สำหรับพระสงฆ์ที่ยังต้องออกบิณฑบาต ก็ต้องฝากไปทางฆราวาสมากกว่าที่จะต้องป้องกัน และรักษามาตรการอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการเข้าวัดทำบุญในช่วงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษานี้ด้วยค่ะ
การวางแผนในอนาคตกับวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น
ก่อนอื่นเลย เราตัดเรื่องที่ไม่จำเป็นหรือเรื่องที่คิดแล้วน่าจะเป็นไปไม่ได้ก่อนเลย อย่างเรื่องการท่องเที่ยว ปีที่แล้วยังพอจะแพลนหรือมีความหวังเล็ก ๆ แต่มาปีนี้ลืมมันไปได้เลยค่ะ หรืออย่างการโหยหาการใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ มันกลายเป็นเรื่องที่ต้องทำใจยอมรับว่ายากที่จะเหมือนเดิม เลยไม่อยากตั้งหรือยึดติดว่ามันจะโอเคเมื่อไหร่ สำหรับในเรื่องของการทำงาน ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือไม่ แต่พยายามแชร์ความคิดให้น้อง ๆ ในออฟฟิศว่า เราจะวางใจกับอาชีพหรือรายรับทางเดียวไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เราต้องสร้างสรรค์ พัฒนาทักษะตนเองอยู่ตลอดเวลา หาจุดเด่นของตัวเอง ต่อยอดเพิ่มไปด้านอื่น ๆ และต้องพึ่งตัวเองให้ได้ในที่สุด อย่าลืมว่าตอนนี้มันเกิดไวรัสโควิดขึ้นมาแล้ว ในอดีตก็เคยมีการระบาดของโรคต่าง ๆ เช่นกัน เราไม่รู้เลยว่าในอนาคตจะมีโรคอะไรเกิดขึ้นมาอีก เพราะฉะนั้นอย่างแรกที่เราต้องทำเลยก่อนที่จะวางแผนในอนาคต คือเราต้องเรียนรู้กับสิ่งที่มันเกิดขึ้นก่อน ต้องปรับตัว ปรับวิธีการ ปรับทัศนติ ยอมรับในสิ่งที่มันเกิดขึ้นให้ได้ก่อนว่าไม่มีอะไรแน่นอนบนโลกใบนี้ และปรับตัวให้อยู่กับมันให้ได้